มณฑลกุ้ยโจวเปลี่ยนโฉมสู่การพัฒนาสีเขียว สร้างความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม

มณฑลกุ้ยโจว ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยนำแนวคิดเชิงนิเวศมาสร้างสรรค์ภาพความเขียวขจีอันงดงามตามแนวภูเขาและแม่น้ำ จากการเป็น ‘เขตทดลอง’ สู่ ‘เขตนำร่อง’ กุ้ยโจวได้บุกเบิกเส้นทางการพัฒนาสีเขียวสายใหม่ที่มุ่งเน้นความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ ความมั่งมีของผู้คน และคงไว้ซึ่งความงดงามทางธรรมชาติ

มณฑลกุ้ยโจวเปลี่ยนโฉมสู่การพัฒนาสีเขียว สร้างความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม

สิ่งแวดล้อมเชิงนิเวศดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

กุ้ยโจวยังคงมุ่งมั่นในการเอาชนะ ‘ศึกใหญ่ 5 ด้าน’ เพื่อป้องกันและควบคุมมลพิษ พร้อมทั้งบูรณาการการฟื้นฟูระบบนิเวศทั้งภูเขา แม่น้ำ ทะเลสาบ พื้นที่เพาะปลูก ป่าไม้ ทุ่งหญ้า และทะเลทราย ผลลัพธ์ที่ได้ในปี 2567 นั้นน่าประทับใจ โดยคุณภาพอากาศใน 9 เมืองสำคัญและ 88 อำเภอของกุ้ยโจวได้มาตรฐานเกรด II และคุณภาพน้ำผิวดินโดยรวมก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

คุณภาพน้ำในแม่น้ำสายหลัก 222 จุดที่ได้รับการตรวจสอบ พบว่ามีอัตราคุณภาพน้ำดีเยี่ยมสูงถึง 99.1% และใน 23 จุดที่เป็นทางออกของแม่น้ำก็สูงถึง 100% ส่วนอัตราความสอดคล้องตามมาตรฐานคุณภาพน้ำจากแหล่งน้ำประปาส่วนกลางในระดับอำเภอขึ้นไปก็ยังคงได้มาตรฐาน 100% มาตลอด

แม่น้ำอู๋สุ่ย (แม่น้ำอู๋หยาง) ในเขตปกครองตนเองเฉียนตงหนาน กลุ่มชาติพันธุ์เหมียวและต้ง ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในแม่น้ำและทะเลสาบสวยงามดีเด่นของจีน และนับตั้งแต่ปี 2562 คุณภาพน้ำในเขตปกครองตนเองเฉียนตงหนานก็ติด 10 อันดับแรกของจีนต่อเนื่องกันถึง 6 ปี คุณอู๋ โหวกุ่ย สมาชิกทีมเรือมังกรจากชุมชนซีเหมิน อำเภอเจิ้นหยวน กล่าวว่า “ประเพณีการแข่งเรือมังกรของเราไม่มีทางสืบทอดมาได้เป็นพัน ๆ ปี หากไม่มีน้ำใสและภูเขาเขียวขจีเช่นนี้”

อุตสาหกรรมสีเขียวเติบโตอย่างก้าวกระโดด

กุ้ยโจวกำลังเร่งปรับปรุงและพัฒนาอุตสาหกรรมเดิม ๆ โดยนำแนวคิดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและลดคาร์บอนมาใช้ตลอดกระบวนการพัฒนาคุณภาพสูง กุ้ยโจวได้สร้างโรงงานสีเขียวระดับประเทศได้ถึง 85 แห่ง และมีนิคมอุตสาหกรรมสีเขียว 22 แห่ง ทำให้สัดส่วนของเศรษฐกิจสีเขียวในพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 48%

หัวรถจักรไฮโดรเจนเชิงพาณิชย์คันแรกของจีนได้เริ่มทดลองวิ่งบนเส้นทางรถไฟสายพิเศษ กุ้ยโจว เหม่ยจิน ในเขตจงซาน เมืองลิ่วผานสุ่ยแล้ว ซึ่งถือเป็นการเปิดประตูสู่การขนส่งถ่านหินที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น

โครงการ ‘Electric Guizhou’ ก็ประสบผลสำเร็จอย่างมาก โดยตั้งแต่ต้นปี 2568 มีการนำรถบรรทุกไฟฟ้างานหนักไปส่งเสริมและใช้ในภาคพลังงานรวมแล้วถึง 3,054 คัน ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 332,000 ตัน

ในส่วนของภาคป่าไม้ก็มีการเปลี่ยนแปลงที่โดดเด่นไม่แพ้กัน ในปี 2557 มูลค่าผลผลิตรวมของป่าไม้ในกุ้ยโจวอยู่ที่เพียง 6.01 หมื่นล้านหยวน แต่ในปี 2567 ตัวเลขนี้พุ่งขึ้นไปถึง 4.654 แสนล้านหยวน ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา อัตราการครอบคลุมของพื้นที่ป่าก็เพิ่มขึ้นจาก 49% เป็น 63.3% โดยมีพื้นที่ป่ารวม 166 ล้านหมู่

ระบบคุ้มครองเชิงนิเวศที่ล้ำหน้า

ในปี 2567 กุ้ยโจวเป็นผู้บุกเบิกในการสร้างกลไกออกตั๋วคาร์บอนป่าไม้ที่เป็นมาตรฐานเดียวกันในระดับมณฑลของจีน โดยมีการออกตั๋วคาร์บอนป่าไม้ชุดแรกไป 10 ใบ และทำธุรกรรมไปได้รวม 11 ล้านหยวน นอกจากนี้ ยังมีการซื้อขายสิทธิการใช้น้ำรวม 120 ครั้ง คิดเป็นปริมาณน้ำที่ซื้อขายได้ถึง 86.0287 ล้านลูกบาศก์เมตร และมีมูลค่ารวม 31.5387 ล้านหยวน

ประชาชนมีส่วนร่วมสร้างสิ่งแวดล้อม

ธรรมเนียมในการ ‘ปลูกต้นไม้ฉลองปีใหม่’ ของกุ้ยโจวสืบทอดกันมายาวนาน 11 ปีแล้ว โดยมีการปลูกต้นกล้าไปแล้วกว่า 605 ล้านต้น ตั้งแต่ช่วงแผนพัฒนาระยะ 5 ปี ฉบับที่ 14 เป็นต้นมา กุ้ยโจวได้เปลี่ยนแนวคิดในการเพิ่มพื้นที่สีเขียว จากแค่ ‘ปลูกเพิ่ม’ เป็น ‘เน้นคุณภาพ’ แทน โดยผ่านโครงการฟื้นฟูป่าที่เสื่อมโทรมและบำรุงป่า ทำให้ป่าไม้ของที่นี่ไม่เพียงแค่ ‘เขียวชอุ่ม’ แต่ยัง ‘มีคุณค่ามากขึ้น’ ด้วย

กุ้ยโจวได้ใช้ทั้ง ‘คน’ และ ‘ความเชี่ยวชาญ’ มาช่วยปกป้องรากฐานระบบนิเวศได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ในเมืองกุ้ยหยางมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดถึง 87 จุด เพื่อป้องกันไฟป่า ส่วนที่ภูเขาฟ่านจิ้งก็มีกล้องอินฟราเรด 400 ตัวไว้คอยติดตามสัตว์ป่าหายาก และยังมีหัวหน้าป่าไม้กว่า 40,000 คนที่พร้อมดูแลทรัพยากรป่าไม้ นอกจากนี้ ยังมีกลไกความร่วมมืออย่าง ‘หัวหน้าป่าไม้ + ผู้แทน’ และ ‘หัวหน้าป่าไม้ + นายอำเภอ’ ที่ช่วยกันสร้างระบบคุ้มครองสิ่งแวดล้อมที่ครอบคลุมและแข็งแกร่ง