เทศกาลครั้งนี้มีเป้าหมายในการรวมพลังภูมิภาคโทโฮคุเพื่อแสดงความขอบคุณต่อนานาประเทศที่ให้การสนับสนุนภูมิภาคนี้หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทางตะวันออกของญี่ปุ่นในปี 2554 นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสสำคัญในการแสดงให้เห็นความก้าวหน้าในการฟื้นฟูของภูมิภาคโทโฮคุ
งานนี้ยังทำหน้าที่เป็นช่องทางสำคัญในการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกของโทโฮคุ ครอบคลุมทุกมิติของการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติอันงดงาม วัฒนธรรมดั้งเดิม อาหารพื้นเมือง เทคโนโลยีล้ำสมัย และความเป็นมิตรของผู้คนในท้องถิ่น เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศให้มาเยือนโทโฮคุมากยิ่งขึ้น
ในพิธีเปิดเมื่อวันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 6 แห่งของภูมิภาคโทโฮคุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ภูมิภาค มาสคอตท้องถิ่น และเมียะคุ-เมียะคุ (MYAKU-MYAKU) มาสคอตอย่างเป็นทางการของงานเอ็กซ์โป 2025 โอซาก้า คันไซ ได้ร่วมขึ้นเวทีเพื่อต้อนรับแขกผู้มีเกียรติและร่วมพิธีตัดริบบิ้น
หลังจากพิธีเปิด ได้มีการจัดกิจกรรมพิเศษที่นำเสนอเทศกาลเด่นจากเมืองเอกของจังหวัดทั้ง 6 แห่งในโทโฮคุ ให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสความหลากหลายทางวัฒนธรรมของภูมิภาคนี้
แม้ว่าเทศกาลโทโฮคุคิซึนะจะกำหนดจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน และวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน แต่สภาพอากาศไม่เป็นใจในวันที่ 14 มิถุนายน ทำให้การแสดงสองรอบแรกต้องย้ายไปจัดภายในอาคารแทน อย่างไรก็ตาม เมื่ออากาศดีขึ้นในวันที่ 15 มิถุนายน ขบวนพาเหรดก็ได้จัดขึ้นอย่างสมบูรณ์สองรอบ
ประวัติและความหมายของเทศกาลโทโฮคุคิซึนะ
เทศกาลโทโฮคุคิซึนะมีรากฐานมาจากเทศกาลโทโฮคุรกกง (Tohoku Rokkon) ที่ริเริ่มขึ้นเพื่ออธิษฐานขอพรให้ดวงวิญญาณของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทางตะวันออกของญี่ปุ่นในปี 2554 และเพื่อการฟื้นฟูภูมิภาค
โดยปกติ เทศกาลนี้จะจัดขึ้นสลับหมุนเวียนในเมืองเอกของจังหวัดใดจังหวัดหนึ่งใน 6 จังหวัดของโทโฮคุ แต่ปีนี้เป็นครั้งพิเศษที่ได้มาจัดในงานเอ็กซ์โป 2025 โอซาก้า คันไซ
การรวมตัวของเทศกาลฤดูร้อนชื่อดัง
ในงานครั้งนี้ มีการจัดเทศกาลฤดูร้อนชื่อดังทั้ง 6 แห่งของโทโฮคุ ได้แก่:
- เทศกาลอะโอโมริเนบุตะ
- เทศกาลโมริโอกะซันสะโอโดริ
- เทศกาลอะคิตะคันโต
- เทศกาลเซ็นไดทานาบาตะ
- เทศกาลยามากาตะฮานากาสะ
- เทศกาลฟุกุชิมะวาราจิ
การจัดงาน “Tohoku Four Seasons & Tohoku Kizuna Festival” ครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมภาพลักษณ์ของภูมิภาคโทโฮคุสู่สายตาชาวโลก พร้อมทั้งเป็นการขอบคุณนานาประเทศที่ยืนหยัดเคียงข้างญี่ปุ่นในช่วงเวลาที่ยากลำบาก