คุณชมิดต์ชี้ให้เห็นว่า ปัญหาท้าทายที่เร่งด่วนที่สุดในการกำกับดูแล AI ในระดับโลกนั้น ไม่ใช่เรื่องการเข้าถึงโมเดล แต่เป็นเรื่องที่ยังไม่มีใครตกลงกันได้ว่า “ใครจะเป็นผู้กำหนดขอบเขตการใช้งาน” ชมิดต์เน้นย้ำว่าปัญหาหลักของการเผยแพร่เทคโนโลยีคือ เราควรจะวางขอบเขตความปลอดภัยไว้ที่ใด ด้วยความที่ระบบขั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นแบบโอเพนซอร์สหรือแบบปิด ต่างแพร่หลายอย่างรวดเร็ว การสร้างกลไกความปลอดภัยที่บังคับใช้ได้จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากนานาชาติอย่างเร่งด่วน
ชมิดต์ยังมองเรื่องการสร้างสมดุลระหว่างการเปิดกว้างและการเผยแพร่เทคโนโลยีว่า โมเดลชั้นนำของจีนจำนวนมากใช้แนวทางแบบโอเพนเวต (Open Weight) และโอเพนซอร์ส ซึ่งแม้ระบบเปิดจะช่วยเร่งให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมร่วมกันได้ แต่คุณชมิดต์ยอมรับว่าสิ่งนี้ก็ทำให้ระบบเสี่ยงต่อการถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดได้ง่ายขึ้น เพราะข้อจำกัดที่ตั้งไว้ตอนแรกอาจถูกถอดออกไปได้ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ
อดีตซีอีโอกูเกิลยังคงสนับสนุนให้ใช้แนวทางแบบเปิดต่อไป โดยมองว่า ต้องอาศัยความร่วมมือจากทั่วโลกในการพัฒนากลไกป้องกันให้รัดกุมยิ่งขึ้น เขายังตั้งข้อสังเกตอีกว่า แม้จะมีการแลกเปลี่ยนความรู้ด้าน AI ในระดับนานาชาติมากขึ้น แต่ปัญหาพื้นฐานที่ยังคงอยู่คือการขาดมาตรการป้องกันที่สามารถบังคับใช้ได้จริง ในระยะยาวนั้น ชมิดต์เชื่อว่าควรฝึกฝน AI ให้หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เป็นอันตรายตั้งแต่ต้น โดยใช้เทคนิคที่เรียกว่า “Alignment” เพื่อปลูกฝังคุณค่าของมนุษย์ลงไป ทำให้โมเดลไม่สามารถละเมิดสิ่งเหล่านั้นได้ตั้งแต่กำเนิด