ความพิเศษของมณฐลกุ้ยโจวนั้นมาจากสภาพภูมิอากาศที่หาได้ยาก เป็นเพียงพื้นที่เกษตรกรรมเดียวในจีนที่มีลักษณะทางภูมิศาสตร์โดดเด่น แม้จะอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรแต่กลับตั้งอยู่บนพื้นที่สูง ทำให้มีอากาศเย็นสบายในช่วงฤดูร้อน ขณะที่ฤดูหนาวก็อบอุ่นพอดี ประกอบกับมีเมฆและหมอกห่มคลุมตลอดปี ฝนตกสม่ำเสมอ สภาพแวดล้อมเช่นนี้จึงเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการปลูกพืชเศรษฐกิจคุณภาพดี
การพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรเฉพาะถิ่นของกุ้ยโจวในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลผลิตหลักอย่างชา สาลี่หนาม และพริก ที่มีพื้นที่เพาะปลูกขยายใหญ่จนติดอันดับต้นๆ ของประเทศ สร้างงานสร้างรายได้ให้เกษตรกรมากกว่า 6 ล้านคนในมณฑลนี้
ความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์เกษตรจากกุ้ยโจวยังมาพร้อมกับระบบการตรวจสอบย้อนกลับที่ครอบคลุมทุกขั้นตอน ตั้งแต่แปลงนาจนถึงโต๊ะอาหารของผู้บริโภค โดยได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากลมากมาย อาทิ Green Food, Organic Product, GAP, HACCP รวมถึง Rainforest Alliance หรือที่รู้จักในนามสัญลักษณ์กบเขียว
ในงานดูไบครั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความสนใจอย่างมาก ได้แก่ ชาพันธุ์พิเศษ Duyun Maojian และ Guiding Yunwu Gongcha จากบริษัท Guizhou Yixin Yuan Modern Agriculture ผลิตภัณฑ์พริก “Plateau Red” จากบริษัท Guizhou Guisanhred Food รวมถึงน้ำสาลี่หนามออร์แกนิกจากบริษัท Guizhou Yangtai Biotechnology ทั้งหมดได้รับคำชื่นชมจากผู้เข้าชมงานในด้านคุณภาพที่ยอดเยี่ยม แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของสินค้าเกษตรจากจีนในเวทีโลก
กุ้ยโจวยังมีข้อได้เปรียบจากการเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญในโครงการระเบียงเศรษฐกิจเชื่อมทางบกทางทะเลสายใหม่ของจีน ทำให้มณฑลเร่งพัฒนาระบบท่าเรือและเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการศุลกากร เพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ทันสมัย เชื่อมโยง “แหล่งผลิตในกุ้ยโจว-ศูนย์กระจายสินค้าในดูไบ-ตลาดทั่วโลก” เข้าด้วยกัน
ทั้งนี้ ระบบโลจิสติกส์แบบหลายรูปแบบที่มีอยู่ในปัจจุบัน อาทิ เส้นทางรถไฟความเร็วสูงจีน-ยุโรป เส้นทางรถไฟจีน-ลาว และเส้นทางเรือสินค้าในภูมิภาคเอเชียใต้ ล้วนช่วยอำนวยความสะดวกในการส่งออกสินค้าเกษตรสีเขียวจากกุ้ยโจวไปยังตลาดนานาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ