กิจกรรมดังกล่าวได้ดึงดูดผู้เข้าร่วมระดับสูงและผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรชั้นนำของโลกมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นองค์การยูเนสโก องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ หรือ IUCN สำนักงานอุทยานแห่งชาติสหรัฐอเมริกา และสถาบันอุทยานแห่งชาติไห่หนาน โดยผู้เข้าร่วมได้มีการเสวนาและแลกเปลี่ยนมุมมองอย่างลึกซึ้งในประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ภายในงานยังได้มีการเปิดตัวมติโลกว่าด้วยการเสริมสร้างการอนุรักษ์ชะนีผ่านความร่วมมือ ฉบับภาษาจีน ซึ่งมอบข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่าต่อความพยายามในการคุ้มครองระบบนิเวศและการพัฒนาที่ยั่งยืนในเวทีระหว่างประเทศ นอกจากนี้ แชมป์โอลิมปิกชาวจีน 3 คน ซึ่งปฏิบัติหน้าที่เป็นนักการศึกษาอาสาสมัครของอุทยานแห่งชาติ ยังได้เป็นผู้นำกลุ่มอาสาสมัครมากกว่า 1,000 คน ออกเดินป่าระยะทาง 10 กิโลเมตร เพื่อแสดงให้เห็นถึงพลังของการรณรงค์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมผ่านการปฏิบัติจริง
ในโอกาสนี้ เขตฉางเจียงยังได้เปิดตัวเส้นทางท่องเที่ยวป่าฝนระดับพรีเมียม โดยมีจุดเด่นทางนิเวศวิทยา 4 แห่งเป็นหัวใจหลัก ประกอบด้วย ภูเขาป้าหวาง เมืองหวังเซีย อ่าวฉีจือ และอุทยานพื้นที่ชุ่มน้ำแห่งชาติไห่เว่ย เส้นทางเหล่านี้นำเสนอการผสมผสานระหว่างภูมิทัศน์ธรรมชาติเข้ากับหมู่บ้านทางวัฒนธรรม เพื่อมอบประสบการณ์อันน่าประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ทั้งในมิติระบบนิเวศและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของการบรรจบระหว่างภูเขาและทะเล
สำหรับมณฑลไห่หนานซึ่งเป็นท่าเรือการค้าเสรีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกนั้น ยังเป็นที่ตั้งของป่าฝนเขตร้อนบนเกาะที่มีขนาดกว้างขวางที่สุด มีความหลากหลายและความหนาแน่นสูงที่สุด และได้รับการอนุรักษ์ไว้ดีเยี่ยมที่สุดในจีนแผ่นดินใหญ่
ช่วงระยะหลัง อุทยานแห่งชาติป่าฝนเขตร้อนไห่หนาน ได้สร้างผลงานที่โดดเด่นในการฟื้นฟูระบบนิเวศ การพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การผนึกกำลังระหว่างการศึกษาและการอนุรักษ์ รวมทั้งการสร้างความร่วมมือที่ดีระหว่างอุทยานกับชุมชนท้องถิ่น สิ่งเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการรักษาความเป็นธรรมชาติและความสมบูรณ์ของระบบนิเวศป่าฝนเขตร้อนอันมีค่าแห่งนี้
ความสำเร็จที่โดดเด่นและน่าจับตามากที่สุด คือ กรณีของชะนีไห่หนาน ซึ่ง IUCN ได้จัดอยู่ในประเภท “สัตว์ไพรเมตที่ใกล้สูญพันธุ์ที่สุดในโลก” โดยชะนีไห่หนานได้ฟื้นตัวอย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อประชากรชะนีไห่หนานที่เคยใกล้จะสูญพันธุ์ ได้เพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 7 กลุ่ม รวมทั้งสิ้น 42 ตัว ซึ่งถือเป็นประชากรชะนีกลุ่มเดียวในโลกที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง