ในงานดังกล่าว ยูเนี่ยนเพย์ได้ลงนามเอกสารความร่วมมือทางด้านการชำระเงินข้ามพรมแดนจำนวนทั้งสิ้น 11 ฉบับ กับสถาบันการเงินและองค์กรชั้นนำระดับโลก 11 แห่ง อาทิ Bank of China, PayNet จากมาเลเซีย, Uzcard และ HUMO จากอุซเบกิสถาน, IPC จากคีร์กีซสถาน, Hong Leong Bank จากมาเลเซีย, OCBC Bank จากสิงคโปร์, Banco do Brasil จากบราซิล, FonePay จากเนปาล และ Bluecode จากออสเตรีย ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของยูเนี่ยนเพย์ในการสร้างเครือข่ายการชำระเงินที่เชื่อมโยงถึงกันทั่วทุกมุมโลก
คุณตง จวินเฟิง ประธานของไชน่า ยูเนี่ยนเพย์และยูเนี่ยนเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล ให้ความเห็นว่า เครือข่ายการชำระเงินที่ครอบคลุมของยูเนี่ยนเพย์ในปัจจุบันได้ส่งผลให้ผู้ค้าขนาดกลาง ขนาดย่อม และขนาดย่อยนับสิบล้านรายทั่วโลกสามารถเข้าถึงตลาดผู้บริโภคขนาดมหึมาของจีน และเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั่วโลก อย่างไรก็ตาม การสร้างเครือข่ายชำระเงินที่เชื่อมถึงกันในระดับสากลนั้นเป็นภารกิจระยะยาวที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ยูเนี่ยนเพย์จึงมุ่งเน้นการสร้างความร่วมมือที่เกื้อกูลซึ่งกันและกัน โดยผสานจุดแข็งของทั้งผู้ออกบัตรและผู้รับชำระเงินเข้าด้วยกัน เพื่อส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมและกระจายผลประโยชน์อย่างเป็นธรรม
การเชื่อมโยงระบบการชำระเงินข้ามพรมแดนได้กลายเป็นฉันทามติระหว่างประเทศ ท่ามกลางพลวัตของการค้าและเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ยูเนี่ยนเพย์ได้เริ่มต้นวางรากฐานความร่วมมือด้านการเชื่อมโยงการชำระเงินในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยร่วมมือกับพันธมิตรในไทย เวียดนาม ลาว อินโดนีเซีย มาเลเซีย กัมพูชา และสิงคโปร์ ก่อนที่จะขยายไปยังอเมริกาใต้และแอฟริกา จนปัจจุบันมีพันธมิตรในกว่า 50 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก
เพื่อรองรับการพัฒนาของอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง ยูเนี่ยนเพย์ได้พัฒนา New Four-Party Model ที่มีความเปิดกว้างและครอบคลุมมากขึ้น โดยผสานทั้งการเชื่อมโยงแบบทวิภาคีและพหุภาคี พร้อมขยายขอบเขตให้ครอบคลุมผู้มีส่วนร่วมที่หลากหลายในระบบนิเวศการชำระเงิน ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้บริการบัญชีอย่างผู้ให้บริการวอลเล็ต ผู้ผลิตอุปกรณ์มือถือ ผู้รับชำระเงินผ่านบัตร และผู้ให้บริการระบบรวบรวมการชำระเงิน
ตัวอย่างความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมคือ ศูนย์ออกบัตรของธนาคาร ICBC ซึ่งร่วมมือกับยูเนี่ยนเพย์มาอย่างยาวนาน ได้กลายเป็นธนาคารแห่งแรกที่ออกบัตรยูเนี่ยนเพย์แบบหลายสกุลเงินในตุรกีเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2568 นอกจากนี้ ภายใต้โครงการเชื่อมโยง QR ระหว่างจีนกับเวียดนาม ทั้งสององค์กรยังเปิดรับ QR code ของร้านค้าซึ่งกันและกัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงบทบาทของระบบการชำระเงินในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
คุณเซเตียวัน คอสมาส ซูโวโน หัวหน้าคณะกรรมการระบบการชำระเงินระหว่างประเทศจาก ASPI ของอินโดนีเซีย กล่าวว่า QRIS ซึ่งเป็นมาตรฐาน QR code แห่งชาติของอินโดนีเซียที่เริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2562 ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจกับยูเนี่ยนเพย์ในปีนี้ เพื่อบูรณาการระบบและรับรองมาตรฐานร่วมกัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความรวดเร็วและความโปร่งใสในการชำระเงินข้ามพรมแดน ขณะที่ธนาคาร Bank of China สาขาจาการ์ตาได้ให้บริการชำระเงินด้วยสกุลเงินท้องถิ่นภายใต้โครงการของ ASPI ซึ่งเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าผู้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่ละฝ่ายต่างมีบทบาทสำคัญในการทำให้การชำระเงินระหว่างประเทศมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น
คุณซิดนีย์ ดี. มัสซูนากา หัวหน้าฝ่ายสินทรัพย์และหนี้สิน ความมั่งคั่ง และลูกค้าบุคคลจากธนาคาร HSBC กล่าวถึงความร่วมมือที่โดดเด่นผ่านบัตรเครดิต HSBC Pulse UnionPay Dual Currency Diamond และวอลเล็ต PayMe ซึ่งอาศัยจุดแข็งด้านการเข้าถึงลูกค้า การใช้งานที่หลากหลาย และความสามารถในการให้บริการ เพื่อนำเสนอโซลูชันการชำระเงินที่ราบรื่นและคุ้มค่า พร้อมยืนยันว่า HSBC จะยังคงร่วมมือกับยูเนี่ยนเพย์ต่อไปเพื่อยกระดับการเชื่อมโยงการชำระเงิน
คุณกัว ต้าหยง รองประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการของไชน่า ยูเนี่ยนเพย์ ได้ประกาศ Joint Initiative on Open Payments ในงานครั้งนี้ โดยมีสถาบัน 72 แห่งให้คำมั่นว่าจะร่วมพัฒนาเครือข่ายการชำระเงินระดับโลกที่เชื่อมถึงกันและสร้างคุณค่าร่วมกัน โดยยึดหลักความเปิดกว้าง ประโยชน์ร่วมกัน ความสอดคล้องกับมาตรฐาน ความมั่นคงปลอดภัย และการกำกับดูแลอย่างรอบคอบ
แม้การเชื่อมโยงข้ามพรมแดนจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ค้าขนาดกลางและขนาดย่อมนับสิบล้านราย แต่ห่วงโซ่ธุรกรรมที่ยาวขึ้นและข้อมูลที่ซับซ้อนได้นำมาซึ่งความท้าทายในการบริหารความเสี่ยง โดยเฉพาะความเสี่ยงของการชำระเงินข้ามพรมแดนที่แตกต่างจากธุรกรรมภายในประเทศอย่างมาก การติดตามกิจกรรมเสี่ยงสูง เช่น การฟอกเงิน และการตรวจจับการฉ้อโกงอย่างแม่นยำ จึงกลายเป็นความกังวลสำคัญของหน่วยงานกำกับดูแลและสถาบันการเงินทั่วโลก
“ทางออกของเราอยู่ที่ AI” คุณตง จวินเฟิง กล่าว โมเดล AI ขนาดใหญ่ในปัจจุบันสามารถตรวจสอบความถูกต้องของผู้ค้าได้ด้วยภาพถ่ายเพียงภาพเดียว และมีประสิทธิภาพเหนือกว่ามนุษย์ในการติดตามธุรกรรมที่มีความเสี่ยงสูง โมเดลเหล่านี้สามารถวิเคราะห์และติดตามเส้นทางการเงินได้อย่างแม่นยำ ช่วยลดเวลาในการจัดการกับธุรกรรมฉ้อโกงข้ามพรมแดนจากเดิมสองถึงสามวัน เหลือเพียงหนึ่งวันเท่านั้น
นอกจากนี้ AI กำลังเปลี่ยนแปลงห่วงโซ่คุณค่าการชำระเงินอย่างลึกซึ้ง ทำให้การชำระเงินชาญฉลาดขึ้น เร็วขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ยูเนี่ยนเพย์กำลังส่งเสริมระบบนิเวศ AI ผ่านการสร้างสรรค์นวัตกรรมร่วมกับสถาบันวิจัย พันธมิตรในอุตสาหกรรม และมหาวิทยาลัยชั้นนำ พร้อมแบ่งปันผลลัพธ์เพื่อผลักดันการเติบโตที่ขับเคลื่อนด้วย AI ทั่วทั้งอุตสาหกรรม
ภายใต้วิสัยทัศน์ “สายสัมพันธ์ที่วางใจ ความสำเร็จร่วมกัน” ยูเนี่ยนเพย์จะยังคงร่วมมือกับพันธมิตรทั่วโลกภายใต้ New Four-Party Model เพื่อสร้างเครือข่ายการชำระเงินที่เชื่อมถึงกันทั่วโลกอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย โดยมีเป้าหมายสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมการชำระเงินระดับโลก พร้อมสร้างความมั่นใจว่าเศรษฐกิจที่แท้จริงและผู้ใช้ทั่วโลกจะได้รับประโยชน์จากบริการชำระเงินที่รวดเร็ว ปลอดภัย และเชื่อถือได้อย่างแท้จริง