การได้รับการยอมรับเป็น “นครสันติภาพนานาชาติ” เมืองแรกของจีนไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หนานจิงได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเมืองที่เคยเป็นจุดจบของหายนะสามารถกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความหวังได้ เมื่อเอกสารสำคัญเกี่ยวกับเหตุการณ์สังหารหมู่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกเมื่อทศวรรษที่แล้ว เมืองนี้ได้เปลี่ยนจากผู้เก็บรักษาความทรงจำเป็นผู้สร้างสรรค์อนาคต
โครงการความร่วมมือกับเดนมาร์กในปี 2562 เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการทำงานข้ามวัฒนธรรม การสร้างอนุสาวรีย์เพื่อแบร์นฮาร์ด ซินด์เบิร์กไม่เพียงแต่เป็นการแสดงความกตัญญู แต่ยังเป็นการสานสัมพันธ์ระหว่างตะวันออกและตะวันตกผ่านศิลปะและวัฒนธรรม ความสำเร็จนี้ได้รับการยอมรับจากสมเด็จพระราชินีเดนมาร์กเอง
เวทีฟอรัมสันติภาพหนานจิงครั้งที่สามได้พิสูจน์ว่าเยาวชนคือกุญแจสำคัญของการเปลี่ยนแปลง เมื่อตัวแทนจาก 40 ประเทศมารวมตัวกันเพื่อหาแนวทางสู่สันติภาพที่ยั่งยืน โครงการ “ดีไซน์ ฟอร์ พีซ” ที่รวบรวมนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่างฮาร์วาร์ดและมิลาโนแสดงให้เห็นว่าการศึกษาสามารถเป็นเครื่องมือสร้างความเข้าใจข้ามชาติได้
อนุสรณ์สถานแห่งนี้ไม่ได้หยุดนิ่งในอดีต แต่กลับใช้เทคโนโลยีและสื่อสมัยใหม่เป็นเครื่องมือในการเล่าเรื่อง กว่า 106,000 ชิ้นของหลักฐานทางประวัติศาสตร์ รวมทั้งบันทึกของโยห์น ราเบอและภาพยนตร์ของจอห์น มากี ได้กลายเป็นทรัพยากรล้ำค่าที่เปิดให้นักวิจัยทั่วโลกได้ศึกษา
การจัดนิทรรศการ “ระลึกประวัติศาสตร์ ร่วมสร้างอนาคต” ในเบลารุสเป็นการเผยแพร่เรื่องราวไปยังยุโรปตะวันออก ภาพ 70 ภาพที่คัดสรรมาไม่เพียงแต่บอกเล่าเรื่องราวของจีน แต่ยังเป็นการเชื่อมโยงประสบการณ์ต่อสู้กับฟาสซิสต์ของทั้งสองประเทศ