“สมุดปกน้ำเงินว่าด้วยการพัฒนาอุตสาหกรรมเป่ยโต่ว (พ.ศ. 2568)” ที่เปิดตัวในงานครั้งนี้ระบุว่า มูลค่าผลผลิตรวมของอุตสาหกรรมเป่ยโต่วในปี 2567 อยู่ที่ 5.758 แสนล้านหยวน เพิ่มขึ้น 7.39% จากปีก่อนหน้า โดยระบบได้พัฒนาห่วงโซ่อุตสาหกรรมที่สมบูรณ์ครอบคลุมทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ
ภายในงานมีการจัดแสดงนวัตกรรมและรูปแบบการใช้งานมากกว่า 1,000 สถานการณ์ แบ่งเป็นโซนในร่มและกลางแจ้ง พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ เทคโนโลジี และแอปพลิเคชันใหม่ที่เกี่ยวข้องกับเป่ยโต่วถึง 33 รายการ
ขยายสู่ตลาดโลก ครอบคลุมกว่า 200 ประเทศ
ข้อมูลจากสมุดปกน้ำเงินแสดงให้เห็นว่า ในปี 2568 สัญญาณระบบเป่ยโต่วครอบคลุมกว่า 200 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก โดยให้บริการแล้วในกว่า 140 ประเทศและภูมิภาค ที่น่าสนใจคือ อุปกรณ์เคลื่อนที่ทั่วโลกกว่า 50% รองรับการใช้งานระบบเป่ยโต่วแล้ว
ระบบเป่ยโต่วยังได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยถูกบรรจุเข้าเป็นส่วนหนึ่งของระบบมาตรฐานขององค์กรระหว่างประเทศ 11 แห่ง รวมถึงองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) และองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO)
ลงนามโครงการสำคัญ มูลค่าลงทุนกว่า 3 หมื่นล้าน
การประชุมสุดยอดครั้งนี้ประสบความสำเร็จในการลงนามโครงการสำคัญ 22 โครงการ รวมถึงโครงการระดับนานาชาติหลายโครงการ นอกจากนี้ยังมีการประกาศโครงการส่งเสริมการลงทุน 21 โครงการในสองอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ อุตสาหกรรมอวกาศ และ เศรษฐกิจการบินระดับต่ำ (Low-Altitude Economy) โดยมีมูลค่าการลงทุนรวม 3.198 หมื่นล้านหยวน
องค์กรที่ร่วมลงนามมีความหลากหลาย ตั้งแต่องค์กรระหว่างประเทศ หน่วยงานภาครัฐ สมาคมอุตสาหกรรม ไปจนถึงบริษัทชั้นนำ โดยโครงการจากต่างประเทศและมณฑลอื่นของจีนคิดเป็นสัดส่วนถึง 61.9%
จากการใช้เฉพาะทาง สู่การขับเคลื่อนอุตสาหกรรม
ผู้เชี่ยวชาญในแวดวงอุตสาหกรรมระบุว่า โครงการต่างๆ เหล่านี้ไม่เพียงเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาคอุตสาหกรรม สถานศึกษา และสถาบันวิจัย แต่ยังสะท้อนถึงพัฒนาการก้าวกระโดดของเทคโนโลยีเป่ยโต่ว ที่กำลังเปลี่ยนผ่านจาก “การเจาะตลาดภายในประเทศเชิงลึก” ไปสู่ “การขยายมูลค่าในระดับโลก” อย่างแท้จริง
ระบบเป่ยโต่วไม่เพียงก้าวข้ามจาก “ระบบดาวเทียมในอวกาศ สู่ชีวิตประจำวันของประชาชน” แต่ยังขยายขอบเขต “จากการใช้งานเฉพาะทาง สู่การขับเคลื่อนอุตสาหกรรม” และกำลังเร่งผลักดัน “จากจีนสู่เวทีโลก” เพื่อทลายข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์และสร้างมูลค่าในระดับสากลต่อไป