บริการใหม่นี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยอำนวยความสะดวกอย่างยิ่งให้กับนักลงทุนสิงคโปร์ที่ต้องการเข้ามาจัดตั้งกิจการในเซี่ยงไฮ้ เนื่องจากช่วยลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายที่เคยต้องใช้ในการจัดส่งและดำเนินการเอกสารกระดาษที่ต้องผ่านการรับรองโดยโนตารี เมื่อระบบทำงานเต็มที่ ผู้ประกอบการสิงคโปร์จะได้รับขั้นตอนการบริการข้ามพรมแดนที่รวดเร็ว เรียบง่าย และมีความปลอดภัยสูง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นการลงทุนแบบสองทิศทาง
การพัฒนาครั้งนี้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักบริหารข้อมูลเซี่ยงไฮ้ โดยหน่วยงานรับรองอิเล็กทรอนิกส์เซี่ยงไฮ้ (SHECA) ได้เริ่มจัดตั้งแพลตฟอร์มบริการความเชื่อมั่นดิจิทัลข้ามพรมแดน และสำรวจการเชื่อมต่อการยืนยันตัวตนดิจิทัลระหว่างประเทศมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือของการยืนยันตัวตนและการตรวจสอบเอกสารข้ามพรมแดน ลดอุปสรรคด้านความเชื่อมั่น และส่งเสริมความร่วมมือระดับนานาชาติ
ตั้งแต่ต้นปี หน่วยงานของเซี่ยงไฮ้ (สำนักบริหารข้อมูลและสำนักงานกำกับดูแลตลาด) ได้ผนึกกำลังกับหน่วยงานพัฒนาสื่อสารสนเทศของสิงคโปร์ และสถาบันกฎหมายแห่งสิงคโปร์ เพื่อสร้างรูปแบบการเชื่อมโยงการยืนยันตัวตนดิจิทัลเป็นครั้งแรก โดยทดสอบผ่านโครงการนำร่องที่ใช้เทคนิคระบุตัวตนแบบกระจายศูนย์ (DID) และเอกสารรับรอง (VC) เพื่อให้นักลงทุนองค์กรจากสิงคโปร์สามารถจดทะเบียนจัดตั้งวิสาหกิจลงทุนจากต่างประเทศในเซี่ยงไฮ้ผ่านช่องทางออนไลน์ได้อย่างเบ็ดเสร็จ
ความสำเร็จครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่มีการกำหนดความสัมพันธ์ในการมอบอำนาจของผู้ลงนามที่ได้รับสิทธิ์จากบริษัทสิงคโปร์ได้อย่างชัดเจน ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาการตรวจสอบความแท้จริงและความสมบูรณ์ของเอกสารที่ผ่านการรับรองโดยโนตารีที่มีมาอย่างยาวนาน ส่งผลให้วิสาหกิจสิงคโปร์ที่เข้าเกณฑ์สามารถดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจในเซี่ยงไฮ้ได้ โดยไม่ต้องใช้เอกสารกระดาษที่รับรองจากโนตารีอีกต่อไป
ในระยะต่อไป เซี่ยงไฮ้และสิงคโปร์จะใช้โมเดลความสำเร็จนี้สนับสนุนให้วิสาหกิจจีน “ก้าวสู่สากล” (Go Global) โดยจะเปิดให้บริษัทจีนสามารถจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจในสิงคโปร์ผ่านระบบออนไลน์ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายมีแผนจะขยายความร่วมมือไปยังด้านอื่น ๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อผลักดันการใช้งานระบบยืนยันตัวตนดิจิทัลและเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดนให้กว้างขวางขึ้น เซี่ยงไฮ้ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาแพลตฟอร์มเชื่อมโยงนี้อย่างต่อเนื่อง โดยจะสำรวจการใช้โมเดลบนบล็อกเชน และขยายความร่วมมือไปยังประเทศในโครงการหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง ซึ่งความเคลื่อนไหวเหล่านี้จะช่วยเสริมศักยภาพการให้บริการยืนยันตัวตนดิจิทัลแก่บุคคลและองค์กรจากต่างประเทศของเซี่ยงไฮ้ให้ดียิ่งขึ้น