อินโดนีเซียตอกย้ำผู้นำวัคซีนโลก ไบโอ ฟาร์มา ขับเคลื่อน DCVMN มากกว่า 25 ปี เพื่อสาธารณสุขที่เท่าเทียม

PT Bio Farma (Persero) บริษัทผู้ผลิตวัคซีนชั้นนำของอินโดนีเซีย ยืนยันบทบาทสำคัญและต่อเนื่องในเครือข่ายผู้ผลิตวัคซีนในประเทศกำลังพัฒนา (DCVMN) ตลอดระยะเวลากว่า 2 ทศวรรษ พร้อมมุ่งมั่นส่งเสริมการเข้าถึงวัคซีนที่มีคุณภาพสูง ปลอดภัย และราคาย่อมเยาอย่างเท่าเทียมทั่วโลก

การเดินทางของไบโอ ฟาร์มากับ DCVMN เริ่มต้นตั้งแต่วันแรกของการก่อตั้งเครือข่าย ในปี 2543 ไบโอ ฟาร์มาเป็น 1 ใน 10 สมาชิกผู้ก่อตั้งที่ร่วมประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งแรก ณ เมืองโนร์ดไวก์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ ด้วยเป้าหมายร่วมในการขับเคลื่อนความร่วมมือด้านวัคซีนระหว่างประเทศกำลังพัฒนา

เพียงหนึ่งปีต่อมา ในเดือนเมษายน 2544 อินโดนีเซียได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสามัญประจำปีครั้งที่ 2 ณ เมืองบันดุง ภายใต้การนำของทัมริน พูลเอิงกัน กรรมการผู้จัดการในขณะนั้น การประชุมครั้งนี้ถือเป็นจุดสำคัญ เนื่องจากได้มีการกำหนดโครงสร้างและระบบบริหารจัดการของ DCVMN อย่างเป็นทางการ พร้อมยืนยันสถานะของอินโดนีเซียในฐานะศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนความรู้และความร่วมมือด้านวัคซีนในภูมิภาค

ความมุ่งมั่นเพื่อการพึ่งพาตนเอง

ชาดิค อากาสยา กรรมการผู้จัดการคนปัจจุบันของไบโอ ฟาร์มา กล่าวว่า “การมีส่วนร่วมของไบโอ ฟาร์มาในเครือข่าย DCVMN ตั้งแต่ก่อตั้ง ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเป็นผู้แทน แต่เป็นการลงมือสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมเพื่อขับเคลื่อนการพึ่งพาตนเองด้านวัคซีนระดับโลก เรามุ่งมั่นส่งมอบโซลูชันด้านสุขภาพที่เท่าเทียมและยั่งยืนสำหรับทุกคนผ่านความร่วมมือและนวัตกรรม”

คำกล่าวของชาดิคสะท้อนปรัชญาหลักของไบโอ ฟาร์มา ที่เชื่อว่าพลังแท้จริงของอุตสาหกรรมวัคซีนในประเทศกำลังพัฒนาอยู่ที่ความร่วมมือ ผ่านบทบาทเชิงรุกในเครือข่าย DCVMN บริษัทมุ่งมั่นให้ทุกประเทศเข้าถึงวัคซีนที่ปลอดภัย มีคุณภาพ และราคาเอื้อมถึง ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทของอินโดนีเซียต่อความมั่นคงด้านสาธารณสุขโลกอย่างแท้จริง

ก้าวสำคัญในความร่วมมือระหว่างประเทศ

ในปี 2547 ไบโอ ฟาร์มาได้ผนึกกำลังกับสมาชิก DCVMN รายอื่นๆ เพื่อขยายการเข้าถึงวัคซีนรวมป้องกัน 5 โรค (DPT-HepB-Hib) ผ่านความร่วมมือด้านการถ่ายทอดเทคโนโลยีกับสถาบันวัคซีนแห่งเนเธอร์แลนด์ โครงการนี้เป็นหลักฐานยืนยันว่าบทบาทของไบโอ ฟาร์มาในเครือข่ายไม่ได้เป็นเพียงเชิงสัญลักษณ์ แต่เป็นการทำงานเชิงเทคนิคและปฏิบัติจริงที่ส่งผลกระทบต่อสาธารณสุขโลก

การยอมรับในระดับสากล

ความเชื่อมั่นจากนานาชาติต่อไบโอ ฟาร์มาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2555 อินโดนีเซียได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสามัญประจำปีเครือข่าย DCVMN ครั้งที่ 13 ณ เกาะบาหลี และมาเฮนทรา ซูฮาร์โดโน หนึ่งในกรรมการของบริษัทในขณะนั้น ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหาร วาระปี 2556-2557

ความเป็นผู้นำของอินโดนีเซียได้รับการยกย่องไปอีกขั้นเมื่อไบโอ ฟาร์มาได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหารเครือข่าย DCVMN วาระปี 2566-2568 โดยทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างสมาชิกเครือข่ายกับลำดับความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ระดับโลก ซึ่งสะท้อนศักยภาพของอินโดนีเซียในการเป็นผู้นำอุตสาหกรรมวัคซีนของประเทศกำลังพัฒนา

นวัตกรรมระดับโลกจากประเทศกำลังพัฒนา

ความมุ่งมั่นด้านนวัตกรรมของไบโอ ฟาร์มาไม่ได้จำกัดอยู่แค่ความร่วมมือ ในปี 2563 วัคซีน nOPV2 ของบริษัทได้สร้างประวัติศาสตร์โดยกลายเป็นวัคซีนแรกของโลกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนใช้งานฉุกเฉิน (Emergency Use Listing) จากองค์การอนามัยโลก ช่วยให้สามารถเร่งกระจายวัคซีนได้อย่างรวดเร็วในช่วงวิกฤตด้านสาธารณสุขโลก

ความสำเร็จนี้ไม่เพียงสะท้อนความเป็นเลิศทางวิทยาศาสตร์และเทคนิคของไบโอ ฟาร์มา แต่ยังแสดงถึงการประสานงานและการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพระหว่างหลายภาคส่วนระดับนานาชาติ อาทิ ผู้สนับสนุนเงินทุน นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัยทางวิชาการ ผู้กำหนดนโยบาย ผู้สนับสนุนวัคซีน และผู้ผลิตวัคซีน ความร่วมมือเหล่านี้ช่วยให้การพัฒนา การอนุมัติ และการส่งมอบวัคซีน nOPV2 เป็นไปอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาสำคัญ

วัคซีน nOPV2 แสดงให้เห็นว่าผู้ผลิตจากประเทศกำลังพัฒนาสามารถสร้างนวัตกรรมระดับโลกได้ตามมาตรฐานสูงสุดระดับสากล ทั้งด้านความปลอดภัย คุณภาพ และประสิทธิผลที่องค์การอนามัยโลกรับรอง นอกจากจะเป็นความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์แล้ว วัคซีนนี้ยังเป็นสัญลักษณ์ของความสามารถในการพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยี และเสริมสร้างความเชื่อมั่นระดับโลกต่อศักยภาพของอินโดนีเซียในการมีส่วนร่วมสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพระหว่างประเทศอย่างมีนัยสำคัญ

ศักยภาพการผลิตระดับโลก

ปัจจุบัน ไบโอ ฟาร์มามีกำลังการผลิตวัคซีนมากกว่า 3.5 พันล้านโดสต่อปี สามารถส่งมอบวัคซีนไปยังมากกว่า 150 ประเทศทั่วโลก และมีวัคซีนจำนวน 12 ชนิดที่ได้รับการรับรองคุณสมบัติเบื้องต้นจากองค์การอนามัยโลก (WHO-PQ) ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงขนาดและความสามารถในการแข่งขันของบริษัทในตลาดวัคซีนโลก

นอกจากนี้ ไบโอ ฟาร์มายังทำหน้าที่เป็นศูนย์ความเป็นเลิศขององค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC) ด้านการพัฒนา ผลิต และจัดจำหน่ายวัคซีน ซึ่งตอกย้ำบทบาทเชิงยุทธศาสตร์ของอินโดนีเซียในเวทีสาธารณสุขโลกอย่างต่อเนื่อง

มุ่งสู่อนาคตที่เข้มแข็งและเท่าเทียม

การประชุมสามัญประจำปีครั้งที่ 26 ของเครือข่าย DCVMN ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29-31 ตุลาคม 2568 ณ เกาะบาหลี ถือเป็นโอกาสสำคัญของอินโดนีเซียในการยืนยันภาวะผู้นำด้านการทูตเพื่อสาธารณสุขโลก ไบโอ ฟาร์มาจะใช้เวทีนี้มุ่งมั่นผลักดันนวัตกรรม ความร่วมมือ และการพึ่งพาตนเองด้านวัคซีนทั่วโลก เพื่อสร้างระบบสาธารณสุขโลกที่เข้มแข็งและเท่าเทียมมากขึ้น

ความสำเร็จของไบโอ ฟาร์มาเป็นแรงบันดาลใจให้สมาชิกเครือข่าย DCVMN ทุกราย เดินหน้าเสริมศักยภาพด้านการวิจัย พัฒนา และการผลิต เพื่อบรรลุเป้าหมายการพึ่งพาตนเองด้านวัคซีนและความเข้มแข็งด้านสาธารณสุขระดับโลกในประเทศกำลังพัฒนา พิสูจน์ให้เห็นว่าด้วยความมุ่งมั่น ความร่วมมือ และนวัตกรรม ประเทศกำลังพัฒนาสามารถเป็นผู้นำด้านสาธารณสุขโลกได้จริง