กุ้ยหยางพุ่งเป้าศูนย์กลางอุตสาหกรรมอัจฉริยะจีนด้วยโมเดลผสมยานยนต์ EV-วัสดุอะลูมิเนียมสีเขียว

นครกุ้ยหยาง มณฑลกุ้ยโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน กำลังก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการผลิตอัจฉริยะของจีน ด้วยยุทธศาสตร์ “กลไกขับเคลื่อนคู่ขนาน” (Dual-Wheel Drive) ที่นำโดยเขตกวนซานหูและเมืองชิงเจิ้น ซึ่งร่วมกันสร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมที่ผสมผสานเทคโนโลยีดิจิทัล พลังงานสะอาด และการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

สำนักอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศเทศบาลนครกุ้ยหยางเปิดเผยว่า ภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะ 5 ปี ฉบับที่ 14 นครกุ้ยหยางได้ยกระดับภาคอุตสาหกรรมจนมีสัดส่วนต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงถึง 31.1% ในปี 2567 โดยผลผลิตมูลค่าเพิ่มของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เติบโตเฉลี่ย 7.5% ต่อปี

เขตกวนซานหู: ศูนย์กลางยานยนต์พลังงานใหม่และโรงงานดิจิทัล

เขตกวนซานหูได้รับการพัฒนาเป็นคลัสเตอร์อุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ที่ครบวงจร โดยมีบริษัท จีลี่ ออโต (Geely Auto) เป็นแกนหลักในการดึงดูดผู้ประกอบการทั้งต้นน้ำและปลายน้ำมากกว่า 20 ราย ครอบคลุมตั้งแต่แบตเตอรี่ มอเตอร์ ไปจนถึงระบบเครือข่ายอัจฉริยะ โดยตั้งเป้ามูลค่าผลผลิตไว้ที่ 2 หมื่นล้านหยวนในปี 2568

การเสริมสร้างความสามารถทางดิจิทัลช่วยฟื้นฟูอุตสาหกรรมการผลิตดั้งเดิม อย่างเช่น บริษัท จงอัน เทคโนโลยี กรุ๊ป ผู้ประกอบธุรกิจสายเคเบิลรายแรกในมณฑลกุ้ยโจวที่ผ่านการรับรอง “โรงงานสีเขียว” ระดับชาติ ด้วยโรงงาน “5G+AI Digital Twin” ที่มีหุ่นยนต์ AGV ทำงานอัตโนมัติและระบบคลาวด์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยตั้งเป้ารายได้ 5.5 พันล้านหยวนในปี 2568

นอกจากนี้ บริษัท กุ้ยหยาง ซานจู แบตเตอรี่ ยังมีสายการผลิตอัตโนมัติที่ผลิตแบตเตอรี่ได้ภายใน 2 นาที พร้อมระบบทดสอบความปลอดภัยด้วยการยิงกระสุนจริงเป็นครั้งแรกของโลก และใช้เวลาเพียง 4.5 ชั่วโมงในการผลิตแบตเตอรี่จนถึงการประกอบรถยนต์ โดยมีมูลค่าผลผลิต 800 ล้านหยวนในช่วงครึ่งแรกของปี 2568

นิคมอุตสาหกรรมการผลิตอัจฉริยะเฟสแรกที่มีมูลค่าการลงทุน 1.35 พันล้านหยวน ดึงดูดบริษัทเข้าลงทุนแล้ว 21 ราย มุ่งพัฒนาอุปกรณ์ระดับไฮเอนด์ เช่น หุ่นยนต์และเซมิคอนดักเตอร์ ขณะที่หมู่บ้านนิเวศวัฒนธรรมดิจิทัลเสี่ยวหลานซานดึงดูดบริษัทดิจิทัล 45 แห่ง และได้รับการประกาศเป็นนิคมพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัลอัจฉริยะระดับมณฑล

เมืองชิงเจิ้น: ผู้นำวัสดุใหม่จากอะลูมิเนียมและการผลิตสีเขียว

เมืองชิงเจิ้นประสบความสำเร็จในการพลิกโฉมอุตสาหกรรมดั้งเดิมด้วยยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมอะลูมิเนียม “ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากแหล่งแร่ที่อุดมสมบูรณ์” โดยร่วมมือกับผู้ประกอบการชั้นนำอย่าง CHALCO เพื่อยกระดับการแปรรูปอะลูมิเนียมสู่วัสดุน้ำหนักเบาสำหรับยานยนต์และอากาศยาน

บริษัท กุ้ยหยาง หลงซู ไลต์ อัลลอย เทคโนโลยี มีกำลังการผลิต 9 ตันต่อชั่วโมง พร้อมใช้เทคโนโลยีโซลาร์เซลล์ชนิดฟิล์มบางและระบบกักเก็บพลังงาน เพื่อให้ทุกขั้นตอนปล่อยคาร์บอนต่ำ โดยมีคำสั่งซื้ออะลูมิเนียมอัลลอยเกรดใช้งานในอวกาศ 3,000 ตันต่อเดือน ส่งออกไปยังเกาหลีใต้และอินโดนีเซีา

ในปี 2567 มูลค่าผลผลิตของอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมและการแปรรูปอะลูมิเนียมขนาดใหญ่สูงกว่า 2.65 หมื่นล้านหยวน เพิ่มขึ้น 38.29% เมื่อเทียบรายปี คิดเป็น 75.08% ของมูลค่ารวมในนครกุ้ยหยาง

การผลิตสีเขียวกลายเป็นคำสำคัญของการพลิกโฉมอุตสาหกรรม โดยบริษัท กุ้ยโจว เจิ้งเหอ เทียนจู เทคโนโลยี เป็นผู้ประกอบการเอกชนรายแรกในมณฑลกุ้ยโจวที่นำของเสียอุตสาหกรรมชนิดแข็งมาผลิตเป็นวัสดุผงผสมสำเร็จรูป เช่น ฟอสโฟยิปซัม และวัสดุซีเมนต์ ด้วยกำลังการผลิต 1.2 ล้านตันต่อปี และผ่านการรับรอง “โรงงานสีเขียว” ระดับชาติ

ก้าวสู่ความเจริญรุ่งเรืองด้วยการผลิตอัจฉริยะ

ความสำเร็จของเขตกวนซานหูและเมืองชิงเจิ้นสะท้อนภาพรวมการผลิตอัจฉริยะของนครกุ้ยหยาง ซึ่งยึดหลักการ “คุณภาพสูง อัจฉริยะ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”

ในปี 2566 มูลค่าเพิ่มทางอุตสาหกรรมสูงกว่า 1 แสนล้านหยวน ขณะที่มูลค่าผลผลิตรวมทะลุ 4 แสนล้านหยวน ต่อมาในปี 2567 นครกุ้ยหยางคว้าอันดับ 27 จาก 101 เมืองนวัตกรรมของจีน และอันดับ 4 จาก 20 เมืองนวัตกรรมในภาคตะวันตกของจีน

ปัจจุบัน นครกุ้ยหยางมีแพลตฟอร์มนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับชาติ 8 แห่ง รวมถึง “ยักษ์เล็ก” หรือธุรกิจขนาดเล็กที่มีองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมเป้าหมายของรัฐบาลจีน 36 แห่ง สะท้อนให้เห็นถึงรากฐานการพัฒนาที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง